เครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์บาร์โค้ด หรือเครื่องพิมพ์ฉลาก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการพิมพ์ข้อความ พิมพ์รูปภาพ พิมพ์บาร์โค้ด ลงไปยังสติ๊กเกอร์ หรือป้ายฉลากต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ติดตามผลิตภัณฑ์ ป้ายชื่อ หรือสายรัดข้อมือต่าง ๆ เนื่องจากในปัจจุบันนี้ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมมีความจำเป็นที่ต้องใช้งานสติ๊กเกอร์ หรือป้ายฉลากเพื่อจำไปติดที่ตัวสินค้า และถ้าหากต้องใช้งานสติ๊กเกอร์เป็นจำนวนมากแล้วนั้น เพื่อความสะดวก และประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย การเลือกซื้อเครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์บารโค้ด หรือเครื่องพิมพ์ฉลากมาไว้ใช้งานเองจะทำให้สะดวกมากขึ้นเป็นหลายเท่า
โดยจุดเด่นของเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดนี้ คือมีการใช้เซนเซอร์ในการตรวจจับช่องว่างระหว่างดวงของสติ๊กเกอร์ จึงทำให้สามารถพิมพ์ข้อความต่าง ๆ ลงไปยังสติ๊กเกอร์ขนาดเล็กได้ และเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดนี้สามารถปรับเปลี่ยนขนาดสติ๊กเกอร์ ได้อย่างหลากหลายขนาด หลายรูปแบบ และใช้ได้กับริบบอน หรือผ้าหมึกได้หลายประเภท อีกทั้งกระบวนการพิมพ์ที่มีความละเอียดสูง ช่วยให้ตอบสนองการพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำสามารถแสดงรายละเอียดของสินค้าหรือผลิณภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และมีคุณภาพ ซึ่งการทำงานของเครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์บาร์โค้ด หรือเครื่องพิมพ์ฉลากนั้นจะมีการพิมพ์อยู่ 2 แบบคือ การพิมพ์โดยใช้ความร้อนโดนตรง (Direct Thermal) ซึ่งเป็นการพิมพ์แบบไม่ต้องใช้งานคู่กับริบบอน หรือผ้าหมึก และการพิมพ์แบบถ่ายโอนความร้อนผ่านริบบอน หรือผ้าหมึก (Thermal Transfer)
เครื่องพิมพ์ความร้อนโดยตรงพิมพ์โดยใช้ความร้อนกับวัสดุ ไม่ใช้ริบบอน หมึก หรือโทนเนอร์ใดๆ แต่ต้องใช้วัสดุที่ไวต่อความร้อนชนิดพิเศษที่จะกลายเป็นสีดำเมื่อใช้ความร้อน เนื่องจากวัสดุฉลากมีความไวต่อความร้อน จึงจางหายและฉลากอาจอ่านและสแกนได้ยากเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ ฉลากความร้อนโดยตรงยังไวต่อรอยถลอกและการสัมผัสกับน้ำ สารเคมี และแสงแดดจ้า ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การพิมพ์โดยใช้ความร้อนโดยตรงจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานในระยะยาว
ในทำนองเดียวกัน การพิมพ์ด้วยความร้อนโดยตรงยังคงให้อายุการใช้งานที่เพียงพอสำหรับการใช้งานหลายประเภท โดยทั่วไป การระบายความร้อนโดยตรงเหมาะที่สุดสำหรับการใช้งานที่ต้องการฉลากที่ต้องใช้เวลาน้อยกว่าหกเดือน เช่น ฉลากการจัดส่ง ใบเสร็จ ตั๋ว และฉลากสำหรับสินค้าที่เน่าเสียง่าย เนื่องจากกลไกการทำงานที่ปราศจากริบบอนที่ง่ายกว่า เครื่องพิมพ์เทอร์มอลโดยตรงจึงมีขนาดกะทัดรัดกว่า และเครื่องพิมพ์พกพาส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนโดยตรง
เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อนโดยตรงยังใช้งานง่ายและมีส่วนประกอบน้อยลงเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ริบบอนในการพิมพ์ โดยปกติ เครื่องพิมพ์เหล่านี้มีราคาซื้อที่ต่ำกว่า และต้องการการบำรุงรักษาและการซ่อมแซมน้อยกว่าเครื่องพิมพ์แบบถ่ายโอนความร้อน และถึงแม้ฉลากความร้อนโดยตรงจะมีราคาแพงกว่าเล็กน้อย แต่คุณไม่ต้องเสียเงินซื้อริบบอน
- ใช้งานง่าย เนื่องจ่ากไม่ต้องใส่ริบบอน หรือไม่ต้องแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับริบบอน
- ไม่เกิดปัญหาทางด้านกลไกต่างๆของเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รวมทั้งกลไกเกี่ยวกับริบบอน
- ลดต้นทุนการผลิตที่เกิดจากริบบอนหรือหมึกพิมพ์
- ไม่เกิดปัญหาเรื่องฉลากกับริบบอนนั้นไม่เข้ากัน
- ความเร็วในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดต่ำ
- อายุการใช้งานของหัวพิมพ์เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดไม่ยาวนาน
- กระดาษจะเหลืองลงหากเก็บไว้นาน
- กระดาษจะดำมากหาก โดนแสงแดดหรือโดนความร้อนมากเกินไป
- มีวัสดุให้เลือกใช้สำหรับการพิมพ์น้อย
- ความทนทานต่อสารเคมีต่ำ
สรุปคือการพิมพ์แบบถ่ายโอนความร้อนโดนตรง (Direct Thermal) จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายขึ้นเนื่องจากไม่ต้องใช้งานคู่กับริบบอน หรือผ้าหมึก แต่หัวพิมพ์จะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า การใช้งานแบบถ่ายโอนความร้อนผ่านริบบอน หรือผ้าหมึก และสติ๊กเกอร์ หรือป้ายฉลากที่พิมพ์มานั้น จะอยู่ได้ชั่วคราวไม่คงทน เหมาะสำหรับงานมีต้องการใช้งานสติ๊กเกอร์ระยะสั้น เช่นสินค้าบริโภค ผัก ผลไม้ และอื่น ๆ
เครื่องพิมพ์ถ่ายโอนความร้อนใช้ริบบอนที่ทำจากแว็กซ์หรือหมึกเรซินที่ละลายบนสื่อการพิมพ์ (เช่น ฉลากหรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน) และสร้างภาพคุณภาพสูงที่คงทนยาวนาน เทคนิคนี้ให้คุณภาพการพิมพ์และความทนทานที่ไม่เหมือนใคร
การพิมพ์แบบถ่ายเทความร้อนจะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในระยะยาว ซึ่งสื่อสิ่งพิมพ์จะถูกใช้นานกว่าหกเดือนหรือต้องสัมผัสกับสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น สารเคมี แสง อุณหภูมิสูง หรือน้ำ ด้วยเหตุผลนี้ การพิมพ์ถ่ายเทความร้อนจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการติดตามทรัพย์สิน ตัวอย่างในห้องปฏิบัติการและถุงเลือด การใช้งานกลางแจ้ง การระบุถาวร และการจัดเก็บในห้องเย็นและช่องแช่แข็ง
การถ่ายเทความร้อนมีวัสดุการพิมพ์ที่หลากหลาย รวมทั้งกระดาษ พลาสติก และโพลีเอสเตอร์ วัสดุเหล่านี้มีอายุการใช้งานยาวนานหลายระดับ โดยโพลีเอสเตอร์มีความทนทานสูงสุดและมีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด วัสดุฉลากสามารถจับคู่อย่างระมัดระวังกับริบบิ้นประเภทต่างๆ เพื่อความทนทานสูงสุด นอกจากนี้ เครื่องพิมพ์ถ่ายโอนความร้อนยังมีตัวเลือกในการใช้ริบบิ้นสีเพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ของฉลาก หรือเพื่อปรับปรุงการทำงานด้วยฉลากที่มีรหัสสี
เครื่องพิมพ์ถ่ายโอนความร้อนบางรุ่นสามารถทำงานในโหมดระบายความร้อนโดยตรงโดยไม่ต้องใช้ผ้าหมึก นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการความยืดหยุ่นเป็นพิเศษแต่ไม่ต้องการความยุ่งยากหรือค่าใช้จ่ายของเครื่องพิมพ์หลายเครื่อง
- บาร์โค้ดที่พิมพ์ออกมานั้นสามารเก็บไว้ได้นาน
- ตัวบาร์โค้ดมีความคงทนต่อความร้อนและแสงแดด
- หมึกพิมพ์หรือริบบอนนั้นมีบางชนิดที่เป็นสี
- มีชนิดของวัสดุฉลากให้เลือกหลากหลาย
- หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
- สิ้นเปลืองเรื่องริบบอน
- สารเคมีที่เป็นส่วนหนึ่งของการพิมพ์นั้นอาจทำให้เกิดการหยุดงานหรืออาการเสียของตัวเครื่องได้
- ต้องใช้ตัวฉลากที่เข้ากับหมึกพิมพ์หรือริบบอน
- อาจเกิดปัญหาที่ตัวเครื่องเมื่อใช้ริบบอนหรือหมึกพิมพ์ผิดประเภท
สรุปคือการพิมพ์แบบถ่ายโอนความร้อนผ่านริบบอน หรือผ้าหมึกนั้น (Thermal Transfer) หากเลือกใช้งานสติ๊กเกอร์ หรือป้ายฉลาก ให้เหมาะสมกับริบบอน ผ้าหมึกนั้นแล้วจะให้ความคมชัด และทนทานต่อการขูดขีด ที่มากกว่า การพิมพ์แบบใช้ความร้อนโดยตรง และการพิมพ์แบบนี้จะช่วยยึดอายุการใช้งานหัวพิมพ์ที่ใช้งาน ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
เครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์บาร์โค้ด หรือเครื่องพิมพ์ฉลาก แบบถ่ายโอนความร้อนผ่านริบบอน หรือผ้าหมึก (Thermal Transfer) ได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากข้อมูลต่าง ๆ ที่พิมพ์ลงบนตัวสติ๊กเกอร์นั้นจะมีความคมชัด และทนทานกว่านั้นเอง
โดยทั่วไปแล้วเทคโนโลยีบาร์โค้ดมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานสูงสุด สามารถบันทึกข้อมูลปริมาณมากในพื้นที่จำกัด การใช้ประโยชน์จากเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดพัฒนาไปไกล สามารถใช้งานแพร่หลายเกือบจะครอบคลุมหลายๆด้านของธุรกิจ อุตสาหกรรม การค้าปลีก สุขภาพ การศึกษา การขนส่งและอื่น ๆ โดยประโยชน์หลักๆของการใช้งานเครื่องพิมพ์คือ
ระบบบาร์โค้ดช่วยลดจำนวนข้อผิดพลาดในการป้อนข้อมูล สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วในการศึกษาที่แสดงอัตราข้อผิดพลาดทั่วไปสำหรับการป้อนข้อมูลด้วยตนเองเป็นข้อผิดพลาด 300 อักขระ เครื่องสแกนบาร์โค้ดในปัจจุบันแทบไม่มีข้อผิดพลาด โดยเครื่องสแกนบางเครื่องบันทึกอัตราข้อผิดพลาดหนึ่งรายการต่อหลายล้านอักขระ การลดข้อผิดพลาดนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อระดับการบริการทั่วทั้งบริษัท (และท้ายที่สุดต่อลูกค้าของบริษัท)
อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลา นอกจากจะแม่นยำกว่าการป้อนข้อมูลด้วยตนเองแล้ว การป้อนข้อมูลโดยใช้บาร์โค้ดยังทำได้เร็วกว่ามาก ในขณะที่การป้อนข้อมูลด้วยตนเองตามปกติสำหรับคำสั่งซื้อของลูกค้าบางรายการอาจใช้เวลาสักครู่ การถ่ายโอนข้อมูลนี้ผ่านบาร์โค้ดอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ในบริษัทที่ประมวลผลธุรกรรมหลายร้อยหรือหลายพันครั้ง การประหยัดเวลาเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น
ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เมื่อพิจารณาว่าบาร์โค้ดช่วยให้รวบรวมข้อมูลได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ใช้เวลาน้อยลงในกระบวนการป้อนข้อมูลและแก้ไขข้อผิดพลาดในการติดตาม สิ่งนี้ทำให้พนักงานของคุณมีอิสระในการจัดการงานอื่นๆ ในขณะที่ยังคงตอบสนองความต้องการของลูกค้าของคุณ
ประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวม ประโยชน์แต่ละข้อข้างต้นมีส่วนช่วยในการประหยัดต้นทุนสูงสุด แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสำหรับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่จำเป็นในการสร้างระบบบาร์โค้ด ค่าใช้จ่ายนี้จะได้รับการกู้คืนในระยะเวลาอันสั้นผ่านการปรับปรุงในด้านความแม่นยำ ประหยัดเวลา และประสิทธิภาพการทำงานที่มากขึ้น